แปลงคลิป YouTube เป็นไฟล์ Gif เคลื่อนไหวได้

GifSoup เป็นเว็บไซต์ทีให้บริการแปลงไฟล์วิดีโอจาก YouTube ให้กลายเป็นไฟล์ Animated Gif (ไฟล์.gif ที่เคลื่อนไหวได้) โดยอาศัยการเล่นข้อมูลภาพต่อเนื่องที่ถูกเรียงลำดับไว้ในไฟล์.gif ไฟล์เดียว ภาพทีได้แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ขนาดไฟล์จะใหญ่กว่าปกติมาก GifSoup จึงลิมิตให้แปลงไฟล์ภาพที่มีความยาวไม่เกิน 15 วินาที เพื่อไม่ให้คุณได้ไฟล์.gif ที่มีขนาดใหญ่เกินไป และกินเวลาโหลดนานจนคนดูไม่รอชมนั่นเอง
ขอแนะนำขั้นตอนการใช้งานสั้นๆ แล้วกันนะครับ เพราะไม่งั้นเดี๋ยวทิปนี้จะกลายเป็นบทความไปซะก่อน ขั้นแรกเข้าไปในเว็บไซต์ gifsoup.com จากนั้นก็อปปี้ url ของวิดีโอที่ต้องการแปลงจากใน youtube มาใส่ในช่องCreate Animated GIFs from YouTube Videos แล้วคลิกปุ่ม Create Gif ทางเว็บไซต์จะให้คุณลงทะเบียน เพื่อรับสิทธิ์ในการใช้บริการ (ใช้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายนะครับ) หลังจากเสร็จขั้นตอนนี้ ทางเว็บไซต์จะแสดงคลิปวิดีโอที่คุณเลือก พร้อมให้ตั้งเวลาเริ่มต้น (Start time) และจบ (End time) ของคลิปที่ต้องการแปลง โดยต้องไม่ลืมว่า ระยะเวลาต้องไม่เกิน 15 วินาที เลือกช่วงของคลิปที่คุณต้องการ คลิกปุ่ม Preview เพื่อดูตัวอย่าง หรือปุ่ม Finish เพื่อเสร็จสิ้นการแปลงไฟล์ง่ายดีไหมครับ ทางเว็บไซต์ยังมีบริการทำลิงค์ให้คุณไปแปะตามเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อแสดง gif ของคุณ หรือจะดาวน์โหลดมาเก็บไว้ใช้ก็ได้ ลองทำดูนะครับ


ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

Viewer2 สุดยอดฟรีแวร์สำหรับวิวภาพในพีซีของคุณ

Viewer2 จะใช้พื้นที่หน้าจอเกือบทั้งหมดของคอมพิวเตอร์ในการจัดวางภาพขนาดเล็ก โดยแบ่งเป็นกลุ่ม เพื่อให้สามารถลากและวาง โยกย้ายไฟล์ ตลอดจนวิวภาพได้อย่างง่ายดาย ให้อารมณ์คล้ายกับการใช้อินเตอร์เฟซของแมคฯ ที่ไอคอนไฟล์ต่างๆ จะสามารถลากไปมาได้อย่างรวดเร็ว โดยโปรแกรมจะพยายามจะเรียงให้ดูง่าย และเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว
Viewer2 มากับวิธีจัดเรียงภาพทีหลากหลายวิธี ผู้ใช้สามารถคลิกแลเะลือกภาพที่ต้องการ เพื่อย้ายมันไปไว้ในโฟลเดอร์ที่แสดงเป็นคอลเล็คชั่นของไอคอนภาพขนาดเล็ก ซึ่งผู้ใช้สามารถซูมแต่ละคอลเล็คชั่นขึ้นมาดูได้ ตลอดจนวิวแต่ละภาพด้วยการใช้ลูกกลิ้งของเมาส์ได้ เล่าให้ฟัง อาจจะไม่เห็นภาพความสามารถของมันได้ชัดเจน ลองชมคลิปสาธิตการใช้ Viewer2 ข้างล่างนี้ดีกว่านะครับ 


ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

คีย์ลัดน่าใช้ใน Windows 7 ที่คุณอาจจะไม่เคยทราบมาก่อน

  • Alt + P ใช้สำหรับเปิด/ปิดกรอบพรีวิวไฟล์ต่างๆ (preview pane)
  • Windows logo + spacebar แอบดูเดสก์ทอป โดยซ่อนหน้าต่างที่เปิดใช้งานทั้งหมด
  • Windows logo + G สั่งให้ Desktop Gadget อยู่เหนือหน้าต่างทั้งหมด
  • Windows logo + the plus key เปิด Magnifier และซูมเข้า (Zoom In) เพื่อขยายให้เห็นรายละเอียดบนหน้าจอทีใหญ่ขึ้น 200%
  • Windows logo + - (the minus key) ซูมออก (Zoom Out) ลดขนาดของภาพขยายบนหน้าจอ 
  • Windows logo + up arrow ปรับขนาดของหน้าต่างใช้งาน (Active Windows) เต็มเดสก์ทอป (Maximize)
  • Windows logo + down arrow มินิไมซ์ (minimize) หน้าต่างใช้งานขณะนั้น
  • Windows logo + left arrow ดึงหน้าต่างโปรแกรมไปชิดหน้าจอด้านซ้าย โดยเหลือพื้นที่บนหน้้าจอครึ่งหนึ่ง
  • Windows logo + right arrow ดึงหน้าต่างโปรแกรมไปชิดหน้าจอด้านขวา โดยเหลือพื้นที่บนหน้้าจอครึ่งหนึ่ง
  • Windows logo + home มินิไมซ์ หรือรีสโตร์ (restore) ทุกหน้าต่างบนเดสก์ทอป ยกเว้นหน้าต่างที่เลือกใช้งานอยู่ในขณะนั้น


ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

ปลุก Firefox ให้เริ่มทำงานเร็วขึ้นถึง 3 เท่า!!!

Firefox บราวเซอร์อันดับ 2 ที่วันนี้วิ่งไล่กวดตามหลัง IE8 อยู่ห่างๆ อย่างหวั่นๆ เพราะช่วงหลังเจ้าตัวก็โดน Chrome แย่งพื้นที่ตลาดไปพอสมควร กระนั้นก็ตาม สาวก"จิ้งจอกอัคคี"ก็ยังคงไม่ตีจากบราวเซอร์ตัวนี้ไปโดยง่าย ล่าสุด Mozilla ได้ออก Firefox 4.0 รุ่นทดสอบมายั่วน้ำลายกันแล้ว แถมยังสำเนาอินเตอร์เฟซของ Chrome มาแบบพิกเซลต่อพิกเซลอีกต่างหาก แต่เดี๋ยวก่อน...นี่เรากำลังจะพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่ล่ะเนี่ย
อ้อ...จำได้แล้ว ทิปเด็ดเคล็ดไม่ลับวันนี้ขอเสนอวิธีเพิ่มความเร็วในการทำงานของ Firefox โดยเฉพาะตอนเริ่มต้นเปิดโปรแกรมขึ้นมาใช้งาน ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า มันคิดอ่านหารคูณอะไรนักหนากว่าจะเริ่มทำงานได้ ยิ่งนานวันมันกลับทำงานช้าลงเรื่อยๆ (คล้ายโอเอสบางตัว?) สาเหตุก็คือ Firefox จะมีการใช้ฐานข้อมูล SQLITE ในการจัดเก็บค่ากำหนด (setting) ต่างๆ มากมาย โดยเมื่อเวลาผ่านไปฐานข้อมูลดังกล่าวจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เทอะทะจนเกิดอาการอุ้ยอ้าย ตัวช่วยสำหรับงานนี้ก็คือ SpeedyFox ซึ่งจะเข้ามาจัดการกระชับขนาด (compact) ของฐานข้อมูลดังกล่าวให้เล็กลงโดยไม่มีการสูญเสียข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น ผลลัพธ์ทำให้การทำงานกับฐานข้อมูลดังกล่าวเร็วขึ้น อานิสงส์ที่ได้จึงทำให้การเปิดโปรแกรม Firefox เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงความเร็วในการทำงานส่วนอื่นๆ อย่างเช่น การเปิด History เพื่อไล่ท่องเน็ตในอดีต ตลอดจนการจัดการกับ cookies ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันให้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจมากทีเดียว ประเด็นนี้จะไม่เหมือนกับการเล่นกลด้วยอินเตอร์เฟซของบราวเซอร์ที่แค่ยกแท็บไปไว้บนสุด(แบบ chrome) แล้วตัดเฟอร์นิเจอร์รุงรังออกให้หมดผู้ใช้ก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันเร็วขึ้นแล้ว :D


ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

Gmail ให้ผู้ใช้ใส่ลูกเล่นใน Signature ได้ตามต้องการแล้ว!!!

อ้างอิงข้อมูลจากบล็อกของจีเมล์ ผู้ใช้ Gmail ที่ต้องการปรับแต่ง signature ท้ายเมล์ เพื่อให้เกิดความน่าสนใจตลอดจนสร้างแบรนด์ให้ตัวเอง หรือธุรกิจ วันนี้คุณสามารถทำได้แล้ว แถมยังสามารถสร้าง signature ที่แตกต่างกันในแต่ละบัญชีผู้ใช้ (account) ได้อีกด้วย นั่นหมายความว่า จีเมล์ที่ส่งถึงเพื่อนจะมีซิกเนเจอร์ที่ไม่เหมือนกับที่ส่งให้ลูกค้าได้นั่นเอง 
สำหรับกราฟิกที่แสดงในอีเมล์จะต้องได้รับการกำหนดเป็น URL ที่ชี้ไปยังที่เก็บไฟล์ภาพ signature ของคุณ อาจจะเป็นเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท หรือเว็บไซต์ส่วนตัว ตลอดจนลิงค์ภาพบน Facebook, Twitter ก็ได้ จากนั้นเลือกฟังก์ชันพิมพ์ข้อความที่ต้องการ ปรับแต่งเลย์เอาต์ เลือกฟอนต์ และหน้าตาได้จากแอพแก้ไข (editor) ขนาดเล็กได้เลย ทั้งหมดนี้คุณสามารถตั้งค่าได้โดยเข้าไปที่เมนู Settings (มุมบนขวา) ของ Gmail แล้วเลื่อนหน้าจอลงไปที Siganture: ลองใช้ดูนะครับ และนีน่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คุณหันมาใช้ Gmail


ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

ถ้าจะสร้างบัญชีผู้ใช้ที่เป็น Guest ใน Windows 7 ต้องทำอย่างไรคะ?

ตอบ: ก่อนอื่นต้องขอชมว่า คุณเป็นผู้ใช้ที่เข้าใจการใช้งานคอมพิวเตอร์พอสมควรทีเดียว โดยเฉพาะวิธีคิดที่จะเปิดบัญชีผู้ใช้ที่เป็น Guest ให้กับเพื่อนคุณ หรือใครก็ตาม เพราะจะได้ไม่ต้องกังวลว่า เขาอาจจะไปลบไฟล์ข้อมูลสำคัญๆ เข้า โดยไม่ตั้งใจ กลับมาที่ปัญหาของคุณดีกว่า ข้อเท็จจริงที่ควรทราบประการแรกก็คือ Windows 7 มีบัญชีผู้ใช้แบบ Guest Account ให้ใช้เช่นเดียวกับโอเอสเวอร์ชันก่อนหน้านี้ครับ แต่ว่า มันถูกปิด (Off) การทำงานไว้ทีดีฟอลต์
ดังนั้น ขั้นแรกคุณต้องเปิดการใช้งาน Guest Account ของ Windows 7 ก่อน โดยวิธีก็ง่ายมาก คลิกปุ่ม Start ในช่อง Search พิมพ์คำสั่ง Guest Account แล้วกดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด หน้าต่าง Manage Accounts จะเปิดขึ้นมา คลิกบนไอคอน Guest ดังรูป
จากนั้นคลิกปุ่ม Turn On ในหน้าต่าง
เพียงแค่นี้ บัญชีผู้ใช้ที่เป็น Guest ก็จะโผล่ขึ้นมาแล้ว ถ้าต้องการปิดไม่ให้ใช้ ก็ทำเหมือนเดิมนะครับ เพียงแต่คลิกปุ่ม Turn Off แทน อะไรมันจะง่ายขนาดนี้




ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

จะรู้ได้อย่างไรว่า BB เครื่องที่เราใช้ เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดหรือยัง

ส่วนหนึ่งเพราะเครื่องคุณนั้นอาจจะผลิตกันคนละรุ่น คนละประเทศก็ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่สินค้าเดียวกันอาจจะมีผลิตจากหลายๆ ที่ ดังนั้นการที่ผลิตจากหลายที่ก็อาจจะส่งผลให้ระบบปฏิบัติการในเครื่องของคุณเป็นคนละเวอร์ชันกัน ซี่งนั่นก็ทำให้ฟังก์ชันการทำงานของแต่ละคนก็จะต่างกันไปด้วย
แล้วอย่างนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องรุ่นไหนเป็นอย่างไร โดยจะยกตัวอย่างจาก BlackBerry Bold 9700 ก็แล้วกัน (ส่วนรุ่นอื่นๆ ก็เข้าใจว่าใช้หลักการเดียวกันได้)
  1. ไปที่เมนู Option
  2. เลื่อนขึ้นไปที่ About
  3. ดูที่บรรทัดที่สามจะเป็นเวอร์ชันครับ เช่น v5.0.0.743 (Bundle 1254), Platform 5.1.0.165 ซึ่งถ้าแปลเป็นความหมายแบบที่คนทั่วไปอ่านรู้เรื่องก็คือ ซอฟต์แวร์ที่เครื่องนี้ใช้เป็นแพ็เกจเวอร์ชัน 1254 ใช้แอพพลิเคชันเวอร์ชัน 5.0.0.743 และเป็นซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มที่ 5.1.0.165
  4. เอาหล่ะเมื่อรู้แล้วว่าเครื่องของเราใช้เป็นเวอร์ชันอะไร ต่อไปเราก็ต้องเข้าไปตรวจสอบจากเว็บไซต์ของ Blackberry ว่าตอนนี้เวอร์ชันใหม่ล่าสุดเป็นเวอร์ชันอะไร ด้วยการเข้าไปที่http://na.blackberry.com/eng/support/downloads/download_sites.jsp
  5. จากนั้นก็เลื่อนเพจก็จะแบ่งไปตามทวีปของใครของมัน ได้แก่ Africa, Asia Pacific, Europe, Latin America/South America, Middle East และ North America ซึ่งแน่นอนว่าเราก็เลือกไปที่ Asia Pacific
  6. ทีนี้เราก็ดูว่าเราใช้โอปอเรเตอร์ใครอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ก็มีอยู่ 3 รายคือ AIS Thailand, DTAC Thailand, True Move คุณใช้ของใครก็เลือกไปที่คนนั้นครับ ในที่นี้จะเลือกเป็น AIS Thailand
  7. พอคุณเลือกเสร็จ ก็จะมาโผล่หน้า Software Download for AIS Thailand แล้วก็เลือกรุ่นโทรศัพท์
  8. แน่นอนว่าตัวอย่างนี้เป็น BlackBerry Bold 9700 ก็เลือกไปที่ BlackBerry Bold 9700 smartphone แล้วกด Next
  9. ทีนี้หล่ะคุณก็จะได้รู้แล้วว่าเครื่องที่คุณใช้อยู่นั้นเป็นระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดหรือยัง ซึ่งจากการที่มองดูในเว็บไซต์ก็พบว่าเวอร์ชันล่าสุดก็คือ BlackBerry Handheld Software v5.0.0.1254 (EastAsia) พอดีครับ

bb



ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

สนุกกับทิปง่ายๆ สำหรับผูัใช้ iOS 4 บน iPhone 3GS & iPhone 4 (ตอนที่ 1)

แตะเพื่อโฟกัส และซูมดิจิตอล
 
แปลกใจอยู่เหมือนกันที่ตอนที่แล้วไม่ได้พูดถึงทิปนี้ เพราะน่าจะเป็นอะไรที่ถูกใจผู้ใช้หลายๆ ท่าน สำหรับผู้ใช้ iPhone 3GS ที่อัพเกรด iOS 4 ก็สามารถใช้ลูกเล่นนี้ได้เหมือนกัน โดยเมื่อเปิดแอพฯกล้องดิจิตอลขึ้นมา คุณสามารถใช้นิ้วแตะ เพื่อโฟกัสวัตถุที่ต้องการถ่ายได้ทันที นอกจากนี้จะสังเกตที่ด้านล่างจะมีแถบซูม (Zoom bar) ขึ้นมา ผู้ใช้สามารถใช้นิ้วลากไปทางขวา หรือเข้าหาเครื่องหมาย + เพื่อดึงวัตถุที่เลือกโฟกัสให้ใหญ่ขึ้นมาได้ทันที สะดวกง่ายดายจริงๆ ลองใช้ดูนะครับ
ปุ่ม Caps Lock สีน้ำเงิน

 
เวลาแตะปุ่ม Shift คียบอร์ดบนหน้าจอ (on-screen keyboard) ผู้ใช้จะสามารถพิมพ์ตัวอักษรใหญ่ได้แค่ตัวแรกเท่านั้น หากต้องการพิมพ์โดยใช้ตัวอักษรใหญ่ (capital letter) ทุกตัวจะต้องแตะสองครั้ง ซึ่งใน iOS 4 ปุ่ม Shift ที่ถูกแตะ 2 ครั้งเพือให้ทำงานโหมด Caps Lock (ล็อคแป้นพิมพ์ให้ใช้ตัวอักษรใหญ่ทุกตัว) จะแสดงเป็น"สีน้ำเงิน" ซึ่งทำให้สังเกตได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม Cap Lock จะทำงานได้เมื่อผู้ใช้ enable การทำงานใน Settings -> General -> Keyboard -> Enable Caps Lock เลือก On ครับ

แสดงจำนวนตัวอักษรที่พิมพ์ใน SMS


ใน iOS 4 ม่ีการแอบหยอดฟีเจอร์เล็กๆ (จนเล็กมาก) เอาไว้ด้วย อย่างเช่น ความสามารถในการนับจำนวนตัวอักษรที่พิมพ์เข้าไปในข้อความ SMS แล้วแบบเรียลไทม์ นั่นหมายความว่า คุณสามารถทราบได้ว่า พิมพ์ไปแล้วกี่ตัวจะได้ไม่พิมพ์ยาวเกิน ทั้งระบบจะยังไม่แสดงตัวอักษร 25 ตัวแรกที่พิมพ์ แต่จะเริ่มแสดงตัวเลข เมื่อพิมพ์ตัวที่ 26 หรือขึ้นบรรทัดใหม่ (ยกเว้นคุณกด Enter ขึ้นบรรทัดใหม่) คุณสามารถเปิดความสามารถนี้ได้ใน Settings -> Messages -> Character Count เลือก On ครับ

Spotlight ค้นหาได้มากกว่าเดิม


กลไกการค้นหาที่เรียกว่า Spotlight ใน iOS 4 ซึ่งยังคงสามารถเรียกใช้งานได้ทันทีที่หน้า Home ด้วยการใช้นิ้วเลื่อนไปทางขวา แต่ถึงจะดูอินเตอร์เฟซเหมือนเดิม ความจริงมันมีการเพิ่มความสามารถในการค้นหาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วยอย่างเช่น ข้อความใน Message App แต่หากคุณลองเลื่อนไปรายการล่างสุดของการค้นคุณจะพบว่า มันมีตัวเลือกในการค้นหาเพิ่มขึ้นอีก 2 รายการด้วยกันคือ เว็บ (เปิดบราวเซอร์ Safari แล้วค้นหาจากคีย์เวิร์ดที่พิมพ์) และ Wikipedia

เปิดไฟล์ PDF ใน iBook


iBooks สำหรับ iPhone จะสามารถแสดงผลไฟล์เอกสาร PDF ของคุณได้แบบเดียวกับ ebooks โดยผู้ใช้สามารถอัพโหลดไฟล์ PDF เข้าไปใน iPhone ผ่านทางซอฟต์แวร์ iTunes ขั้นแรกให้คุณลากไฟล์เอกสารที่ต้องการเข้าไส่ใน iTunes library จากนั้นในขั้นตอนซิงค์กับ iPhone ให้เข้าไปดูในแท็บ iBooks ที่นี่คุณจะพบออปชั่นสำหรับการอัพโหลดไฟล์ PDF เมื่อเลือกเสร็จแล้ว คุณจะพบแท็บ PDF อันใหม่ขึ้นมา แตะที่นี่เป็นอันเรียบร้อย
หวังว่า ทิปง่ายๆ สำหรับผู้ใช้ iOS 4 บน iPhone 3GS และ iPhone 4 ตอนที่ 2 คงเป็นที่ถูกใจคุณผู้อ่านเช่นเคยนะครับ ขอบคุณที่ติดตาม และให้ความสนับสนุนเว็บไซต์ arip เสมอมา จากใจกองบรรณาธิการเว็บไซต์ arip ครับ :)


ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

สนุกกับทิปง่ายๆ สำหรับผูัใช้ iOS 4 บน iPhone 3GS & iPhone 4

แตะเพื่อโฟกัส และซูมดิจิตอล
 
แปลกใจอยู่เหมือนกันที่ตอนที่แล้วไม่ได้พูดถึงทิปนี้ เพราะน่าจะเป็นอะไรที่ถูกใจผู้ใช้หลายๆ ท่าน สำหรับผู้ใช้ iPhone 3GS ที่อัพเกรด iOS 4 ก็สามารถใช้ลูกเล่นนี้ได้เหมือนกัน โดยเมื่อเปิดแอพฯกล้องดิจิตอลขึ้นมา คุณสามารถใช้นิ้วแตะ เพื่อโฟกัสวัตถุที่ต้องการถ่ายได้ทันที นอกจากนี้จะสังเกตที่ด้านล่างจะมีแถบซูม (Zoom bar) ขึ้นมา ผู้ใช้สามารถใช้นิ้วลากไปทางขวา หรือเข้าหาเครื่องหมาย + เพื่อดึงวัตถุที่เลือกโฟกัสให้ใหญ่ขึ้นมาได้ทันที สะดวกง่ายดายจริงๆ ลองใช้ดูนะครับ
ปุ่ม Caps Lock สีน้ำเงิน

 
เวลาแตะปุ่ม Shift คียบอร์ดบนหน้าจอ (on-screen keyboard) ผู้ใช้จะสามารถพิมพ์ตัวอักษรใหญ่ได้แค่ตัวแรกเท่านั้น หากต้องการพิมพ์โดยใช้ตัวอักษรใหญ่ (capital letter) ทุกตัวจะต้องแตะสองครั้ง ซึ่งใน iOS 4 ปุ่ม Shift ที่ถูกแตะ 2 ครั้งเพือให้ทำงานโหมด Caps Lock (ล็อคแป้นพิมพ์ให้ใช้ตัวอักษรใหญ่ทุกตัว) จะแสดงเป็น"สีน้ำเงิน" ซึ่งทำให้สังเกตได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม Cap Lock จะทำงานได้เมื่อผู้ใช้ enable การทำงานใน Settings -> General -> Keyboard -> Enable Caps Lock เลือก On ครับ

แสดงจำนวนตัวอักษรที่พิมพ์ใน SMS


ใน iOS 4 ม่ีการแอบหยอดฟีเจอร์เล็กๆ (จนเล็กมาก) เอาไว้ด้วย อย่างเช่น ความสามารถในการนับจำนวนตัวอักษรที่พิมพ์เข้าไปในข้อความ SMS แล้วแบบเรียลไทม์ นั่นหมายความว่า คุณสามารถทราบได้ว่า พิมพ์ไปแล้วกี่ตัวจะได้ไม่พิมพ์ยาวเกิน ทั้งระบบจะยังไม่แสดงตัวอักษร 25 ตัวแรกที่พิมพ์ แต่จะเริ่มแสดงตัวเลข เมื่อพิมพ์ตัวที่ 26 หรือขึ้นบรรทัดใหม่ (ยกเว้นคุณกด Enter ขึ้นบรรทัดใหม่) คุณสามารถเปิดความสามารถนี้ได้ใน Settings -> Messages -> Character Count เลือก On ครับ

Spotlight ค้นหาได้มากกว่าเดิม


กลไกการค้นหาที่เรียกว่า Spotlight ใน iOS 4 ซึ่งยังคงสามารถเรียกใช้งานได้ทันทีที่หน้า Home ด้วยการใช้นิ้วเลื่อนไปทางขวา แต่ถึงจะดูอินเตอร์เฟซเหมือนเดิม ความจริงมันมีการเพิ่มความสามารถในการค้นหาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วยอย่างเช่น ข้อความใน Message App แต่หากคุณลองเลื่อนไปรายการล่างสุดของการค้นคุณจะพบว่า มันมีตัวเลือกในการค้นหาเพิ่มขึ้นอีก 2 รายการด้วยกันคือ เว็บ (เปิดบราวเซอร์ Safari แล้วค้นหาจากคีย์เวิร์ดที่พิมพ์) และ Wikipedia

เปิดไฟล์ PDF ใน iBook


iBooks สำหรับ iPhone จะสามารถแสดงผลไฟล์เอกสาร PDF ของคุณได้แบบเดียวกับ ebooks โดยผู้ใช้สามารถอัพโหลดไฟล์ PDF เข้าไปใน iPhone ผ่านทางซอฟต์แวร์ iTunes ขั้นแรกให้คุณลากไฟล์เอกสารที่ต้องการเข้าไส่ใน iTunes library จากนั้นในขั้นตอนซิงค์กับ iPhone ให้เข้าไปดูในแท็บ iBooks ที่นี่คุณจะพบออปชั่นสำหรับการอัพโหลดไฟล์ PDF เมื่อเลือกเสร็จแล้ว คุณจะพบแท็บ PDF อันใหม่ขึ้นมา แตะที่นี่เป็นอันเรียบร้อย
หวังว่า ทิปง่ายๆ สำหรับผู้ใช้ iOS 4 บน iPhone 3GS และ iPhone 4 ตอนที่ 2 คงเป็นที่ถูกใจคุณผู้อ่านเช่นเคยนะครับ ขอบคุณที่ติดตาม และให้ความสนับสนุนเว็บไซต์ arip เสมอมา จากใจกองบรรณาธิการเว็บไซต์ arip ครับ :)


ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

สนุกกับทิปง่ายๆ สำหรับผูัใช้ iOS 4 บน iPhone 3GS & iPhone 4

แตะเพื่อโฟกัส และซูมดิจิตอล
 
แปลกใจอยู่เหมือนกันที่ตอนที่แล้วไม่ได้พูดถึงทิปนี้ เพราะน่าจะเป็นอะไรที่ถูกใจผู้ใช้หลายๆ ท่าน สำหรับผู้ใช้ iPhone 3GS ที่อัพเกรด iOS 4 ก็สามารถใช้ลูกเล่นนี้ได้เหมือนกัน โดยเมื่อเปิดแอพฯกล้องดิจิตอลขึ้นมา คุณสามารถใช้นิ้วแตะ เพื่อโฟกัสวัตถุที่ต้องการถ่ายได้ทันที นอกจากนี้จะสังเกตที่ด้านล่างจะมีแถบซูม (Zoom bar) ขึ้นมา ผู้ใช้สามารถใช้นิ้วลากไปทางขวา หรือเข้าหาเครื่องหมาย + เพื่อดึงวัตถุที่เลือกโฟกัสให้ใหญ่ขึ้นมาได้ทันที สะดวกง่ายดายจริงๆ ลองใช้ดูนะครับ
ปุ่ม Caps Lock สีน้ำเงิน

 
เวลาแตะปุ่ม Shift คียบอร์ดบนหน้าจอ (on-screen keyboard) ผู้ใช้จะสามารถพิมพ์ตัวอักษรใหญ่ได้แค่ตัวแรกเท่านั้น หากต้องการพิมพ์โดยใช้ตัวอักษรใหญ่ (capital letter) ทุกตัวจะต้องแตะสองครั้ง ซึ่งใน iOS 4 ปุ่ม Shift ที่ถูกแตะ 2 ครั้งเพือให้ทำงานโหมด Caps Lock (ล็อคแป้นพิมพ์ให้ใช้ตัวอักษรใหญ่ทุกตัว) จะแสดงเป็น"สีน้ำเงิน" ซึ่งทำให้สังเกตได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม Cap Lock จะทำงานได้เมื่อผู้ใช้ enable การทำงานใน Settings -> General -> Keyboard -> Enable Caps Lock เลือก On ครับ

แสดงจำนวนตัวอักษรที่พิมพ์ใน SMS


ใน iOS 4 ม่ีการแอบหยอดฟีเจอร์เล็กๆ (จนเล็กมาก) เอาไว้ด้วย อย่างเช่น ความสามารถในการนับจำนวนตัวอักษรที่พิมพ์เข้าไปในข้อความ SMS แล้วแบบเรียลไทม์ นั่นหมายความว่า คุณสามารถทราบได้ว่า พิมพ์ไปแล้วกี่ตัวจะได้ไม่พิมพ์ยาวเกิน ทั้งระบบจะยังไม่แสดงตัวอักษร 25 ตัวแรกที่พิมพ์ แต่จะเริ่มแสดงตัวเลข เมื่อพิมพ์ตัวที่ 26 หรือขึ้นบรรทัดใหม่ (ยกเว้นคุณกด Enter ขึ้นบรรทัดใหม่) คุณสามารถเปิดความสามารถนี้ได้ใน Settings -> Messages -> Character Count เลือก On ครับ

Spotlight ค้นหาได้มากกว่าเดิม


กลไกการค้นหาที่เรียกว่า Spotlight ใน iOS 4 ซึ่งยังคงสามารถเรียกใช้งานได้ทันทีที่หน้า Home ด้วยการใช้นิ้วเลื่อนไปทางขวา แต่ถึงจะดูอินเตอร์เฟซเหมือนเดิม ความจริงมันมีการเพิ่มความสามารถในการค้นหาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วยอย่างเช่น ข้อความใน Message App แต่หากคุณลองเลื่อนไปรายการล่างสุดของการค้นคุณจะพบว่า มันมีตัวเลือกในการค้นหาเพิ่มขึ้นอีก 2 รายการด้วยกันคือ เว็บ (เปิดบราวเซอร์ Safari แล้วค้นหาจากคีย์เวิร์ดที่พิมพ์) และ Wikipedia

เปิดไฟล์ PDF ใน iBook


iBooks สำหรับ iPhone จะสามารถแสดงผลไฟล์เอกสาร PDF ของคุณได้แบบเดียวกับ ebooks โดยผู้ใช้สามารถอัพโหลดไฟล์ PDF เข้าไปใน iPhone ผ่านทางซอฟต์แวร์ iTunes ขั้นแรกให้คุณลากไฟล์เอกสารที่ต้องการเข้าไส่ใน iTunes library จากนั้นในขั้นตอนซิงค์กับ iPhone ให้เข้าไปดูในแท็บ iBooks ที่นี่คุณจะพบออปชั่นสำหรับการอัพโหลดไฟล์ PDF เมื่อเลือกเสร็จแล้ว คุณจะพบแท็บ PDF อันใหม่ขึ้นมา แตะที่นี่เป็นอันเรียบร้อย
หวังว่า ทิปง่ายๆ สำหรับผู้ใช้ iOS 4 บน iPhone 3GS และ iPhone 4 ตอนที่ 2 คงเป็นที่ถูกใจคุณผู้อ่านเช่นเคยนะครับ ขอบคุณที่ติดตาม และให้ความสนับสนุนเว็บไซต์ arip เสมอมา จากใจกองบรรณาธิการเว็บไซต์ arip ครับ :)


ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

เตือน!!! จ้องจอคอมพ์นานไป"สายตาเสีย-เครียดเกิน-นิ้วล็อค"ทำไงดี?

เวลานั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะการใช้เน็ต หรือพิมพ์งาน ช่วงเวลามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วหลายชั่วโมงโดยคุณไม่รู้ตัว ยิ่งไม่มีใครคอยเตือนด้วยแล้ว ข้อเท็จจริงที่คุณควรทราบก็คือ ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรจะพักยืดเส้นยืดสายให้หายเมื่อยหลัง ดื่มกาแฟ ให้สายตา และนิ้วได้พักบ้าง เหล่านี้จะช่วยให้คุณทำงานได้นานขึ้น โดยไม่มีปัญหาสุขภาพตามมาในภายหลัง และทางที่ดีควรจะมีการพักสายตาทุกๆ 1 -  2 ชั่วโมง ว่าแต่ใครจะคอยช่วยเตือนเราล่ะ ว่าถึงเวลาที่ต้องพักแล้ว?

Big Stretch RSI Reminder ฟรีแวร์เล็กๆ ที่สามารถตั้งเวลาคอยแจ้งให้คุณได้พักสายตา ยืดเส้นยืดสายเป็นระยะ แม้มันจะเป็นโปรแกรมเล็กๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ยังช่วยให้คุณไม่ต้องเสี่ยงกับอาการนิ้วล็อค (RSI: Repetitive Strain Injury) เนื่องจากพิมพ์งานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ โดยไม่ได้พัก สำหรับการเตือนของโปรแกรมจะสามารถเลือกแสดงข้อความแจ้งใน system tray ให้ทราบ หรือโผล่กลางหน้าจอ (Intrusive mode: Center Screen Popup) ก็ได้ แถมยังมีออปลชั่นยกเลิกการเตือนเมื่อพีซีไม่ถูกใช้งานอีกด้วย


ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

อัพเกรด Windows 7 เป็นเวอร์ชันสูงกว่าง่ายแค่คลิ๊กผ่าน Windows Anytime Upgrade

หลายครั้งที่ไปเดินเลือกซื้อโน้ตบุ๊กได้รุ่นที่ถูกใจ แต่ดันพรีโหลด Windows 7 Starter มาให้เสียนี่ ก็ตั้งใจจะเอาเครื่องนี้มาใช้ทั้งที่บ้านและที่บริษัท ซึ่งถ้าให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว Windows ที่จะใช้ในออฟฟิศได้จำเป็นที่จะต้องใช้ Windows 7 Professional ขึ้นไป ก็มีทางเลือกอยู่สองทางคือ ซื้อ Windows Upgrade กับซื้อ Windows Anytime Upgrade (อ้างอิงข้อมูลสินค้าที่ใช้ในการอัพเกรดจากhttp://store.microsoft.com/microsoft/Windows-Windows-7/category/102) ซึ่งทั้งสองทางนี้ต่างกันก็คือ ราคา และเวลาที่ใช้ในการลง โดยที่ถ้าเป็นวิธีที่หนึ่งราคาจะแพงกว่า และต้องเสียเวลาลงทับใหม่ ในขณะที่วิธีที่สอง ราคาจะถูกกว่ามาก และใช้เวลาในการลงเพียงแค่สิบห้านาที
พร้อมแล้วก็เริ่มเลยดีกว่า
  1. ไปยังร้านค้าปลีกใกล้บ้านเพื่อซื้อคีย์ Windows Anytime Upgrade แล้วก็เลือกรุ่นให้ตรงกับเครื่องของคุณ
  2. หลังจากนั้นเรียกโปรแกรม Windows Anytime Upgrade ด้วยการคลิกปุ่ม Start และพิมพ์คำว่า Windows Anytime Upgrade ลงใน Search และคลิก Windows Anytime Upgrade
  3. หลังจากนั้น ก็เลือกไปที่ Enter and Upgrade Key
  4. กรอกคีย์ที่คุณซื้อมาลงไปในช่อง Windows Anytime Upgrade
  5. หลังจากนั้นรอประมาณ 15 นาที โปรแกรมจะจัดการอัพได้ให้ Windows 7 เป็นเวอร์ชันที่คุณต้องการ
  6. Restart ใหม่เท่านั้น แค่นี้ก็เสร็จแล้วครับ ง่ายจริงๆ
หมายเหตุ:
  1. Windows Anytime Upgrade สามารถใช้อัพเกรดได้ตั้งแต่เวอร์ชัน Starter ไปถึง Professional เท่านั้น
  2. ไม่สามารถใช้การอัพเกรดจาก Windows 32 Bit เป็น  Windows 64 Bit ได้
  3. ลักษณะของไลเซนส์จะเป็นไปตาม Windows 7 เดิมที่ได้ลงไว้ เช่น ถ้าอัพเกรดจาก Windows 7 Stater OEM (ติดมากับเครื่อง) แล้วอัพเดตเป็น Windows 7 Ultimate ไลเซนส์ก็จะเป็น Windows 7 Ultimate OEM
  4. สำหรับการใช้งานในองค์กร ถ้าต้องการใช้ไลเซนส์แบบ Open License ได้นั้น เครื่องที่ใช้จะเป็น Windows 7 Professional ขึ้นไป ซึ่งจะต้องใช้ Windows Anytime Upgrade อัพเกรดจาก Windows 7 เดิมให้เป็น Windows 7 Professional ก่อน แล้วถึงจะใช้ไลเซนส์แบบ Open License ได้
  5. การซื้อคีย์ผ่านระบบออนไลน์ยัวไม่เปิดให้บริการในประเทศไทย ต้องติดต่อผ่านตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น




ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

8 วิธียืดอายุแบตเตอรี่ iPhone ให้ใช้งานได้นานขึ้นกว่าเดิม

ปิดคุณสมบัติการแจ้งเตือน ทราบไหมครับว่า ระบบแจ้งเตือน (push notification) ที่เปิดให้แอพฯ ต่างๆ ได้มีโอกาสอัพเดตข้อมูลไปจนถึงตัวโปรแกรมเอง Notification เป็นคุณสมบัติหนึ่งที่ใช้พลังงานแบตฯมิใช่น้อย หากไม่จำเป็นต้องใช้ก็ปิดไปก่อนดีกว่า ผู้พัฒนาแอพฯส่วนใหญ่จะเขียนโปรแกรมให้ใช้คุณสมบัตินี้ ซึ่งในกรณีทีมีแอพฯหลายตัวอยู่ใน notification แบตเตอรี่ก็จะถูกใช้มากตามไปด้วย เนื่องจากทุกครั้งทีมีกระตุ้นเตือน ระบบจะต้องมีการเชื่อมต่อไร้สาย (Wi-Fi, 3G, Edge, etc.) ไปยังเว็บไซต์ของแอพฯ เหล่านั้น


ปิด push e-mail หากคุณไม่ได้กำลังรออีเมล์ด่วนจากใคร แบบมาปุ๊บต้องเปิดอ่านทันที ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดการทำงานของ push e-mail เพราะเพียงแค่แตะไอคอน e-mail ที่ดีฟอลต์การทำงานของโปรแกรม มันก็จะตรวจเช็คทุกอินบ๊อกซ์ (All Inboxes) ให้โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว สะดวกง่ายดาย ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้


ปิดการใช้สัญญาณวิทยุทุกประเภทที่ไม่ได้ใช้ ผู้ใช้บางท่านไม่ทราบว่า เราสามารถปิด (disable) การทำงานของ 3G ได้ ซึ่งมันจะช่วยให้คุณสำรองแบตเตอรี่ไว้ใช้ได้นานขึ้น และหากต้องการประหยัดพลังงานมากกว่านี้อีกก็ปิด Wi-Fi, Bluetooth และ GPS เนื่องจากการค้นหาสัญญาณวิทยุเหล่านี้จะเป็นการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ของ iPhone มากทีเดียว หากคุณต้องการเล่นเกมส์ อ่านอีบุ๊ค ฟังเพลง หรือดูคลิปวิดีโอที่อยู่ในเครื่องได้นานขึ้นขณะเดินทางไกล ลองปิดการทำงานของคุณสมบัติเหล่านี้ดูนะครับ

ปิดการทำงานในแบคกราวด์ (background tasks) สำหรับผู้ใช้ iOS 4 ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติ multitasking การเปิดแอพฯค้างไว้ในเครื่องหลายๆ ตัวโดยไม่ปิด เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่ของคุณหมดเร็ว โดยเฉพาะแอพฯที่มีการติดต่อกับเน็ต อย่างเช่น Skype ซึ่งผู้ใช้จะต้องเสียพลังงานแบตฯมากมายหากต้องรอคอย ขั้นตอนการปิดก็แค่ดับเบิ้ลคลิกปุ่ม Home รายการแอพฯที่รันค้างจะปรากฎขึ้นด้านล่าง ใช้นิ้วจิ้มค้างไว้จนวงกลมสีแดงปรากฎขึ้นมาที่มุมบนซ้ายของไอคอน ให้ใช้นิ้วแตะเพื่อปิดพวกมันไปซะ แค่นี้ก็เรียบร้อย


ตั้งค่าความสว่างของหน้าจอเป็นแบบปรับอัตโนมัติ การลดความสว่างของหน้าจอช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้มากทีเดียว แต่มันก็ดูขัดกับความต้องการผู้ใช้ เพราะหลายคนชื่นชอบหน้าจอ iPhone ตรงที่มันสว่างสดใสนั่นเอง ดังนั้นทางเลือกที่เหมาะสมกว่าก็คือ การปรับแสงสว่างโดยอัตโนมัติ ซึ่ง iPhone จะสามารถปรับความสว่างของหน้าจอเทียบกับแสงสว่างของสิ่งแวดล้อมให้โดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะการใช้งานใน หรือนอกสถานที่ที่มีแสงสว่างแตกต่างกันพอสมควร เพราะมันไม่จำเป็นเลยที่จอ iPhone ของคุณต้องสว่างตลอดเวลา


ปิดการตอบสนองของเกมส์ที่ใช้ force feedback เกมส์แอคชั่นหลายๆ เกมส์จะใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติการสั่น (vibrate feature) ในการจำลองความรู้สึกโต้ตอบที่เกิดขึ้นในเกมส์ ซึ่งโดยกลไกการทำงานลักษณะดังกล่าว จะต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่มาก สำหรับการขับให้มอเตอร์ลูกเบี้ยวทำงานนั่นเอง
หาตัวช่วยอย่างปลอกสำรองแบตฯ (battery back-up case) แม้ปลอกใส่ iPhone พวกนี้จะทำให้มือถือของคุณหนาขึ้น แต่กับระยะเวลาในการใช้งานที่นานขึ้นเป็น 2 เท่ามันก็คุ้มค่าดีนะครับ ไม่เชื่อลองให้น้องผึ้งแนะนำอีกทีก็ได้ครับ :D  




ซิงค์ iPhone อย่างสม่ำเสมอ แม้คุณจะไม่ค่อยเปลียนแปลง Playlists หรือติดตั้งแอพฯใหม่ๆ บ่อยนัก การซิงค์ iPhone กับ PC อย่างสม่ำเสมอจะทำให้คุณได้ใช้ OS และเฟิร์มแวร์รุ่นล่าสุด เนื่องจากอัพเดตของ Apple มักจะมีการพัฒนาประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานของแบตเตอรี่ด้วย

หวังว่า ทิปเล็กๆ ที่ช่วยประหยัดพลังงานแบตฯ iPhone ให้ใช้ได้นานขึ้นนี้ จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านทุกท่านนะครับ :)



ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

รู้เท่าทัน Face Time ใน iPhone 4 สูบเงินไม่รู้ตัว


ดูแล้วก็ไม่น่ามีอะไร เพราะที่ไหนมี WiFi ก็น่าจะใช้ได้ แต่อย่างที่บอกไปแล้วข้างต้น ว่า FaceTime คือบริการ ดังนั้นก็ต้องมีการเปิดใช้งาน หรือก็คือ การรีจิสเตอร์นั่นเอง สำหรับการรีจิสเตอร์จะต้องรีจีสเตอร์กับโอปอเรเตอร์ที่ขายเครื่องไอโฟนให้ ซึ่งนั่นก็คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ iPhone ไม่สามารถวางขายหลายๆ ประเทศได้ทันที เพราะแอปเปิ้ลคงมีเงื่อนไขว่า "ให้โอปอเรเตอร์ที่ขายเครื่องไอโฟนติดตั้งและทดสอบเซิร์ฟเวอร์สำหรับรีจีสเตอร์ก่อน" ซึ่งแน่นนอนว่าสำหรับเครื่องหิ้วการรีจิสเตอร์นั้นจำเป็นที่จะต้องส่งค่าไปรีจีสเตอร์กับโอเปอร์เตอร์ที่คุณซื้อเครื่องมา ซึ่งถ้าใช้บริการกับโอเปอร์เตอร์ที่ซื้อเครื่องมานั้น ได้ข่าวว่าฟรี แต่ถ้าไม่ได้ใช้บริการของเขา ค่าบริการนี้เราก็ต้องออกเองครับ จะถูกจะแพงอันนี้ขึ้นอยู่กับโอปอเรเตอร์รายนั้นๆ กำหนด
ตรงนี้เองครับ ที่มาของปัญหาเรื่องสูบเงิน เพราะการรีจีสเตอร์นั้น จำเป็นต้องมีการส่งข้อมูล ถ้าทำเสร็จได้ครั้งเดียวก็จบไป แต่ถ้าไม่ iPhone 4 ก็จะพยายามส่งค่าไปรีจีสเตอร์เรื่อยครับ แน่นนอนว่าทุกครั้งที่ส่งค่าไป คุณก็ต้องจ่ายเงินทุกครั้งเช่นกัน แต่ใช่ว่ารีจีสตอร์ครั้งเดียวได้แล้วจะจบ ถ้าคุณเผลอไปทำอะไรดังต่อไปนี้ แล้วละก็คุณจะต้องรีจีสเตอร์ใหม่ทุกครั้ง
  • ปิดปุ่ม Facetime แล้วเปิดใหม่
  • Restore เครื่องหรือล้างเครื่องใหม่ (wipe)
  • เปลี่ยนซิมการ์ด
  • ไม่ได้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่รีจีสเตอร์เป็นเวลานาน
ดังนั้นพึงจำไว้ว่า รีจีสเตอร์ใหม่ทุกครั้งเสียเงินทุกครั้ง ส่วนถ้าใครไม่อยากรีจีสเตอร์ต้องผ่านโอปอเรเตอร์ก็คงต้องใช้ตัวช่วยอย่าง iPhoneDelivery ก็ได้เช่นกันครับ




ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

วิธีการดาวน์โหลด Adobe Flash Player 10.1 แบบออฟไลน์ ไม่ต้องผ่าน DLM

ซึ่งเวอร์ชันที่ออกมาแรกสุดของ 10.1 คือ 10.1.53.64 (คุณสามารถตรวจสอบด้วยตัวเองได้ว่า Flash ที่คุณใช้อยู่นั้นเป็นเวอร์ชันอะไร ด้วยการเข้าไปที่ http://www.adobe.com/software/flash/about/) ดังนั้นเวอร์ชันใหม่ที่แก้บั๊กแล้วคือ 10.1.82.76 แล้ว ซึ่งเวอร์ชันใหม่นี้ Adobe จะบังคับให้คุณดาวน์โหลดผ่าน DLM หรือ Adobe Download Manager นั่นเอง ซึ่งก็ต้องเสียเวลารออีกนาน ถ้าไม่อยากรอก็ทำตามนี้ครับ แต่ต้องเตรียมบราวเซอร์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ Internet Explorer ไม่ว่าจะเป็น Firefox, Mozilla, Netscape, Opera, Safari ก็ได้เอาไว้ด้วยนะครับ แค่โปรแกรมเดียวก็พอ ไม่ต้องโหลดมาทุกไฟล์ เพราะ Flash บนวินโดวส์นั้นทำงานอยู่สองแบบคือ แบบ Active X กับ ไม่ใช่ Active X
1. สมมติว่าจะเลือกโหลด Flash ของ Internet Explorer ซึ่งเป็นแบบ Active X ก็ต้องใช้ Firefox, Mozilla, Netscape, Opera, Safari ในทิปนี้จะใช้ Firefox เป็นตัวโหลดครับ โดยเข้าไปที่http://get.adobe.com/flashplayer/otherversions/
2. ให้คุณเลือกระบบปฏิบัติการที่คุณใช้อยู่ แล้วคลิกที่ Continue


3. หลังจากนั้นให้คุณเลือกไปที่ Flash Player 10.1 for Windows Internet Explorer แล้วคลิก Agree and Install now


4. เท่านี้คุณก็สามารถดาวน์โหลด Adobe Flash Player แบบออฟไลน์ ไม่ต้องผ่าน Adobe Download Manager  อีกต่อไป โดยที่ไฟล์ที่เราจะดาวน์โหลดก็คือ install_flash_player_ax.exe ครับ แต่เกิดโหลดแบบอัตโนมัติไม่ได้ ให้คลิกที่ Click Here ครับ

5. จากนั้นเราก็เข้าไปดูที่ http://www.adobe.com/software/flash/about/ ว่า Flash ในเครื่องอัพเดตแล้วหรือยัง
สำหรับในกรณีที่อยากดาวน์โหลดของ Firefox, Mozilla, Netscape, Opera, Safari ก็เปลี่ยนไปใช้ Internet Explorer แล้วทำตามขั้นตอนข้างบนครับ



ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์